วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

วิตามินบำรุงผิว 4 ชนิด ที่ช่วยบำรุงผิวให้ตรงจุด

การบำรุงผิวของแต่ละคนให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ด้วย ทั้งนี้วิตามินแต่ละชนิดที่อยู่ในครีมหรือสกินแคร์ที่เลือกใช้ก็มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่ไม่เหมือนกัน วันนี้เราก็นำวิตามินบำรุงผิวแต่ละชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยในการดูแลผิว และแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผิวมาฝากสาวๆ ทุกคน แต่ละชนิดมีดีอย่างไรบ้าง ไปดูกันค่ะ



1.วิตามินเอ
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารวิตามินเอ จะช่วยบำรุงผิวในเรื่องของการช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ ดังนั้นใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอย สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารชนิดนี้ เพราะนอกจากมันจะช่วยลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดรอยดำบนผิวหน้า ลดรอยแผลเป็นให้จางลง อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวด้วย

2.วิตามินบี 3
ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินบี 3 จะช่วยในเรื่องของการปรับสภาพผิว ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือสกินแคร์ที่มีวิตามินบี3 จึงมีคุณสมบัติช่วยในการควบคุมความมันบนผิวหน้า ซึ่งความมันถือเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว และยังช่วยป้องกันการเกิดรอยดำบนผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยชะลอการลำเลียงของสารเมลานินที่เข้าสู่ผิวได้ด้วย

3.วิตามินซี
วิตามินซีถือเป็นวิตามินบำรุงผิวที่สาวๆ หลายคนชื่นชอบ เพราะเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวได้แทบจะครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีจึงให้ผลลัพธ์แก่ผิวในหลายๆ ด้าน เช่น ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และช่วยลดรอยดำบนผิวหน้า รวมทั้งช่วยให้แผลเป็นบนผิวจางลงอย่างเห็นได้ชัด

4.วิตามินอี
ในส่วนของวิตามินบำรุงผิวอย่างวิตามินอีที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิวนั้น มีคุณสมบัติช่วยในการสร้างความชุ่มชื่นให้กับผิว ช่วยในการป้องกันผิวจากมลภาวะและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อผิว หรือที่เราเคยได้ยินบ่อยๆ ในการทำให้ผิวตึงเครียดนั่นเอง และที่สำคัญวิตามินอียังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งให้ความเหมาะสมทั้งกับผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายอีกด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ใส่ขาสั้นได้อย่างมั่นใจ วิธีดูแลผิวเรียวขาให้สวยเนียน

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ใส่ขาสั้นได้อย่างมั่นใจ วิธีดูแลผิวเรียวขาให้สวยเนียน

เคล็ดลับดีๆ ที่สาวๆ ต้องไม่พลาด ถ้าอยากหยิบขาสั้นกลับมาใส่อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องแคร์ว่าใครจะมองเรียวขาอย่างไร รับรองว่า 5 เคล็ดลับที่นำมาแชร์กันในวันนี้ จะช่วยให้คุณเผยเรียวขาได้อย่างมั่นใจแน่นอนค่ะ



1.สครับผิว และบำรุงผิวเป็นประจำ
อยากมีผิวที่เรียบเนียนก็ต้องหมั่นขัดและบำรุงผิวเป็นประจำ โดยเฉพาะเรียวขาซึ่งมักจะเป็นบริเวณที่หลายคนไม่ค่อยให้ความสำคัญมากเท่าที่ควร ดังนั้นถ้าอยากมั่นใจในการสวมใส่ขาสั้นก็ต้องหมั่นขัดผิวเรียวขาด้วยนั่นเอง โดยสามารถใช้สมุนไพร น้ำตาล หรือเกลือสำหรับขัดผิวมาขัดได้เลยค่ะ โดยประโยชน์ในการขัดผิวจะช่วยกระตุ้นในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี อีกทั้งยังช่วยลดการแตกลายได้อีกด้วย ในขณะที่การบำรุงผิวนั้นจะช่วยให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้นและเรียบเนียนอย่างน่าสัมผัส


2.กำจัดขนให้เรียบ
อย่าปล่อยให้ผิวบริเวณขาเต็มไปด้วยขน เพราะนั่นจะทำให้คุณไม่มั่นใจในการแต่งตัวได้ ดังนั้นถ้าอยากใส่ขาสั้นอย่างมั่นใจ ควรกำจัดขนให้เรียบเนียนเกลี้ยงเกลา และควรศึกษาการกำจัดขนที่ถูกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดขนคุด หรือหากใครพอมีงบอยู่บ้าง แนะนำให้กำจัดขนที่ร้านก็ยิ่งช่วยกำจัดได้อย่างเรียบเนียนครบทุกขั้นตอนได้


3.เลือกทานอาหารคลีน
ผิวที่มีความเรียบเนียน ส่วนใหญ่ก็มาจากการเลือกทานอาหารด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการทานอาหารคลีน เพราะอาหารประเภทนี้จะช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากไขมัน แป้ง และน้ำตาล ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาใหญ่ แถมยังไม่ทิ้งปัญหาผิวเปลือกส้มไว้อีกด้วย


4.ออกกำลังกายเป็นประจำ
เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยให้ผิวกระชับแลดูสุขภาพดี ที่สำคัญการออกกำลังกายควบคู่กับการกินอาหารคลีน ยังช่วยกำจัดเซลลูไลท์ได้ดีเลยทีเดียว


5.ทาครีมกันแดดทุกวัน
ต่อให้มีผิวที่เรียบเนียน แต่ถ้ายังคงมีรอยดำคล้ำ ก็ไม่ทำให้การใส่ขาสั้นของคุณมาพร้อมความมั่นใจได้อย่างเต็มร้อย ดังนั้นสาวๆ ควรใส่ใจทาครีมกันแดดทุกวัน ไม่ควรเน้นทาเฉพาะผิวหน้าเท่านั้น เพราะผิวกายก็สำคัญไม่แพ้กัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้แผลเป็นคีลอยด์ดูจางลง

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้แผลเป็นคีลอยด์ดูจางลง


สาเหตุของการเกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์

จุดที่พบว่าเกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้บ่อยที่สุดก็คือ บริเวณหัวไหล่ ซึ่งเป็นแผลที่เกิดกับคนที่เคยปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคฝีดาษเมื่อตอนเด็กๆ แต่ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่สามารถยืนยันสาเหตุของการเกิดแผลคีลอยด์ได้อย่างแน่ชัด

แต่เชื่อกันว่าสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากเรื่องของกรรมพันธุ์ และมักจะพบในคนที่มีสีผิวเข้ม โดยมักจะพบในแผลที่เกิดจากการผ่าตัด แผลที่เกิดจากการอักเสบ เช่น แผลเป็นจากสิว แผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุ และแผลจากไฟไหม้ แผลที่มีลักษณะพุพอง



วิธีที่ทำให้รอยแผลเป็นคีลอยด์ดูจางลง

1.ใช้แผ่นซิลิโคน (Silicone gel sheet) โดยติดลงไปบริเวณที่มีรอยแผล แผ่นซิลิโคนนั้นผลิตจากซิลิโคน ที่มีลักษณะใสและนุ่ม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับแผลเป็น ช่วยลดการอักเสบ สามารถช่วยให้แผลเป็นแบนราบลง และช่วยลดอาการระคายเคืองของแผลเป็น ที่สำคัญคือลดการเรียงตัวของคอลลาเจน ซึ่งเป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้แผลเป็นเกิดการนูนและขยายตัวใหญ่ขึ้น

2.ทาด้วยเจลซิลิโคน (Silicone gel) ซึ่งทำจากสารประกอบซิลิโคน โดยเจลซิลิโคนสามารถช่วยให้แผลเป็นยุบและแบนราบลงได้ ช่วยให้ความเข้มของรอบแผลจางลง ลดการระคายเคือง โดยให้ทาเจลซิลิโคนต่อเนื่องเป็นประจำ และสามารถทาได้บ่อยตามที่ต้องการ เนื่องจากการใช้เจลซิลิโคนทาแผลเป็นคีลอยด์ถือเป็นวิธีที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง

3.นวดบริเวณแผลเป็น (scar massage) การนวดสามารถช่วยให้รอยแผลเป็นคีรอยด์นุ่มและแบนราบลงได้ โดยแนะนำให้นวดแผลพร้อมกับการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เพื่อเข้าไปช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเนื้อเยื่อของแผลเป็น แต่ไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะอาจจะยิ่งสร้างความระคายเคืองให้กับแผล นวดเป็นประจำครั้งละ 5-10 นาที วันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้แผลเป็นนุ่มขึ้น สีของผิวบริเวณแผลดูจางลงได้

วิธีลดรอยแผลเป็นคีรอยด์ทั้ง 3 วิธีที่เราแนะนำ เป็นวิธีที่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่สามารถช่วยจัดการกับรอยแผลคีลอยด์ได้เป็นที่น่าพอใจมากนัก แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจจะแนะนำให้ทำการรักษาด้วยการฉีดยาเพื่อลดรอยแผล

หรือให้ทานยากลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อช่วยยับยั้งอาการคันที่แผล ทำให้รอยแผลไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้แสงเลเซอร์ในการลดเลือนรอยแผลคีลอยด์ ซึ่งผลจากการรักษาจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็นคีลอยด์ของแต่ละคนด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

น้ำหอมผู้หญิงกลิ่นเซ็กซี่ 2020

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

น้ำหอมผู้หญิงกลิ่นเซ็กซี่ 2020

ใครอยากมีกลิ่นหอมๆ ติดตัว แบบที่ได้กลิ่นแล้วต้องเหลียวหลังเพราะความหอม มากองกันตรงนี้เลยค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำน้ำหอมกลิ่นเซ็กซี่ๆ ที่สาวๆ ต้องมีเอาไว้ สำหรับวันพิเศษที่อยากมีกลิ่นความเป็นผู้หญิงเย้ายวนน่าค้นหา จดลิสต์น้ำหอมกลิ่นเซ็กซี่ 2020 แล้วไปตำกันค่ะ



1. CHANEL Coco Noir

นัวสมชื่อเลยจ้าแม่ กลิ่นนัวๆ หรูหราแบบคลาสสิก หอมเย้ายวนแบบมีเสน่ห์ กลิ่นจะไม่ฉุนจัด แต่จะออกผู้ดีลูกคุณหนูสไตล์น้ำหอมชาแนลเลยค่ะ ใครชอบความนัวแบบได้กลิ่นแล้วสัมผัสได้ถึงความแพง ต้องไปลอง
ราคาประมาณ 3,500 บาท (50 ml.)


2. Yves Saint Laurent Black Opium

ส่วนอันนี้ก็เซ็กซี่ไม่แพ้กัน เป็นน้ำหอมกลิ่นหวานแต่แซ่บแบบสาวยุคใหม่ มีความทันสมัยแต่ก็แฝงไปด้วยความดึงดูดใจได้กลิ่นแล้วหลงมาก หอมกลิ่นกาแฟกรุ่นๆ ผสมดอกไม้สดชื่นปนหวานเบาๆ จากวานิลลาและไม้หอม แต่พอรวมกันแล้วเซ็กซี่น่าดูเลยแหละ แค่สะสมขวดก็ฟินแล้ว
ราคาประมาณ 4,500 บาท (90 ml.)


3. Tom Ford Black Orchid

เป็นน้ำหอมกลิ่้นเซ็กซี่แบบดาร์คนิดนึงค่ะ จะออกแนวสาวแซ่บที่หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นนัวๆ ของกล้วยไม้ดำ ที่สดชื่นปนหวาน ให้ความยั่วยวนแบบนุ่มลึก ได้กลิ่นแล้วหลง กลิ่นชัดมากเวลาใช้ต้องฉีดเบามือหน่อยนะคะ มันนัวมากแม่!
ราคาประมาณ 6,200 บาท (100 ml.)


4. Giorgio Armani Si Passione


น้องขวดแดงที่ฉีดแล้วผู้ต้องชะงัก กลิ่นแบบสาวมั่นที่มีความสดชื่นและเซ็กซี่ในคนเดียวกัน ฉีดแล้วได้อารมณ์สาวแซ่บแบบร่าเริง อยู่ด้วยแล้วมีเสน่ห์ เป็นผู้หญิงทันสมัย เย้ายวนแบบมั่นใจพร้อมฟาด
ราคาประมาณ 3,000 บาท (50 ml.)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วิธีทาลิปให้ปากเซ็กซี่แบบสายฝอ

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

วิธีทาลิปให้ปากเซ็กซี่แบบสายฝอ


สาวปากบางไม่มีขอบปากชัดๆ แต่อยากได้ลุคเซ็กซี่แบบสาวสายฝอ ลองเอาเทคนิคทาลิปวันนี้ไปใช้กันดูค่ะ รับรองเป๊ะปัง

1 ทาลิปมันบำรุงปากให้พร้อม


2 ใช้ดินสอเขียนขอบปากล่างให้เกินออกไปเล็กน้อย


3 เขียนขอบปากบนให้เป็นรอยหยักรูปหัวใจ เกินขอบปากจริงออกไป


4 ระบายสีช่วงมุมปากเข้ามาด้านใน


5 ทาลิปสีอ่อนตรงกลางปาก


6 ทาลิปบาล์มหรือลิปกลอสทับกลางปากอีกที ก็จะได้ปากเจ่อๆ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประโยชน์ของการใช้ "เซรั่ม" เพื่อผิวหน้าสวยใสอย่างสมบูรณ์แบบ


วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ประโยชน์ของการใช้ "เซรั่ม" เพื่อผิวหน้าสวยใสอย่างสมบูรณ์แบบ



เซรั่ม แม้จะเป็นตัวช่วยบำรุงผิวอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายคนใช้ แต่จะรู้กันหรือไม่ว่าเซรั่มกับครีมทาผิวทั่วไป มีความแตกต่างกันอย่างไร เห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายสรรพคุณ ไม่ว่าจะเป็นสูตรหน้าใส สูตรลดริ้วรอย

สูตรคงสภาพผิวให้แลดูอ่อนวัย หรือสูตรอื่นใดก็ตาม ลองมาทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์นี้ให้มากขึ้นกันสักหน่อย พร้อมคุณสมบัติที่จะช่วยให้สาวๆ หมดข้อสงสัยกันดีกว่า

เซรั่ม คืออะไร

เซรั่มเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีเนื้อสัมผัสบางเบากว่าครีมทาผิวทั่วไป ซึ่งมีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ มีกรดและวิตามินที่สำคัญ เป็นอาหารบำรุงผิวอยู่ในปริมาณที่มากกว่าครีม ส่วนผสมที่มีอยู่ในเซรั่มจะช่วยเพิ่มคอลลาเจนและความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มที่
อีกทั้งยังสามารถซึมซับเข้าสู่ผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก เป็นอีกหนึ่งสูตรหน้าใสที่สาวๆ ส่วนใหญ่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เพื่อบำรุงผิวหน้า เห็นผลลัพธ์ได้ดีเยี่ยมกว่า แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน

ประโยชน์ของเซรั่ม

ประโยชน์ของการใช้เซรั่มคือ เนื้อเซรั่มที่สามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้เร็ว มีคุณสมบัติสามารถจัดการปัญหาผิวหน้าที่อยู่ลึกกว่าชั้นหนังกำพร้าได้เป็นอย่างดี เช่น สีผิวที่หมองคล้ำ และริ้วรอยลึก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียนด้วยสารอาหารเป็นส่วนประกอบในเซรั่มที่มีอยู่หลายชนิดเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้น อีกทั้งยังโมเลกุลมีขนาดเล็ก

จึงซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่าย ทำให้ผิวได้รับประโยชน์ไปแบบเต็มๆ ดังนั้นหากใครกำลังพบเจอปัญหาผิวที่แก้ยากอยู่ล่ะก็ ลองหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ฉบับพิเศษตัวนี้กันดู รับรองว่าปัญหาเหล่านี้จะหมดไป แถมยังเพิ่มความเปล่งประกายให้ผิวสาวดูสวยเจิดจรัสอีกด้วย


วิธีการใช้เซรั่มให้ได้ประสิทธิภาพ

ก่อนการทาเซรั่มลงบนใบหน้า สาวๆ จะต้องทำความสะอาดผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นจึงหยดเซรั่มลงบนฝ่ามือที่ทำความสะอาดแล้วเพียง 1-2 หยดเท่านั้น เนื่องจากเซรั่มมีส่วนผสมที่เข้มข้นมากพออยู่แล้ว จากนั้นทาเซรั่มให้ทั่วใบหน้า ค่อยๆ เกลี่ยเน้นส่วนที่มีปัญหาผิวมากเป็นพิเศษ เสร็จแล้วนวดให้ทั่วทั้งผิวหน้าและลำคอ

ด้วยเนื้อสัมผัสที่มีความบางเบาย่อมทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ก่อให้เกิดความเหนียวเหนอะหนะบนใบหน้า เท่านี้เซลล์ผิวก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเต็มที่ ที่สำคัญควรใช้เซรั่มควบคู่กับครีมบำรุงผิวไปด้วย รับรองว่าใบหน้าของสาวๆ จะต้องแลดูสุขภาพดี อ่อนกว่าวัยและดูขาวใสเป็นธรรมชาติมากขึ้นในเร็ววันแน่นอน

ใครที่เห็นประโยชน์ของเซรั่มกับสูตรหน้าใสที่มาพร้อมคุณสมบัติอันหลากหลายของการดูแลผิวเช่นนี้ ลองเปลี่ยนจากการใช้ครีมธรรมดาที่อาจส่งผลให้ผิวระคายเคือง เพราะระดับความหนาและเนื้อครีมที่มีโมเลกุลใหญ่ มาใช้เซรั่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ เพื่อจะได้ตรงเข้าบำรุงผิวอย่างตรงจุด แล้วสาวๆ จะหลงรักผลิตภัณฑ์ความงามชิ้นนี้ได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอนค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

10 ไอเทม เพื่อรักแร้ขาวเนียน